ปกติเราเป็นคนที่ไม่ค่อยซื้อพล็อตโรแมนซ์เท่าไร แต่เล่มนี้แหละคือทุกอย่างที่ชอบถ้าจะอ่านโรแมนซ์สักเล่มเลย ความรู้สึกเหมือนเวลาอ่านแฟนฟิคสนุกๆ สักเรื่อง คือ เบาสมอง และรู้สึกหลงรักตัวละครเข้าเต็มๆ เพียงแต่ว่าเล่มนี่ไม่ใช่แฟนฟิคจ้า เป็นออริจินัลจากนักเขียนชาวจีน-ออสเตรเลียชื่อว่า Ann Liang ซึ่งเขียนนิยาย YA (Young Adult) แนวโรแมนซ์กับแนวแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ โดยเลือกเขียนเกี่ยวกับคนเชื้อสายจีนหรือวัฒนธรรมจีนเสมอ
I hope this doesn't find you เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘เซดี้’ นักเรียนดีเด่นชอบแข่งขันผู้กดดันตัวเองให้เป็นที่หนึ่งเสมอ เธอต้องการเป็นที่รักของทุกคนจึงมักจะเก็บความรู้สึก และเลือกระบายอารมณ์โดยการพิมพ์เมลด่าตอบกลับคนที่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์แต่ไม่กดส่งออกไป โดยเฉพาะกับ 'จูเลียส' คู่แข่งที่ผลัดกันเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน ที่เซดี้เกลียดมากกกกกกกเหมือนหนามยอกอก และเขียนเมลด่าจูเลียสทิ้งไว้นับไม่ถ้วน
แต่อยู่มาวันหนึ่งเมลด่ากราดคนในโรงเรียนทุกฉบับกลับถูกส่งออกไป ทำให้ภาพลักษณ์เด็กดีของเธอพังในชั่วข้ามคืน…

เราค้นพบเรื่องนี้มาจาก Reel ของคนเขียนที่โปรโมตพล็อตของเรื่องพอดี แล้วแบบ premise มันโดนเส้นมากจนต้องจดเก็บไว้ รอโอกาสที่จะเจอที่ร้าน พอได้ซื้อจากงานหนังสือก็หยิบเล่มนี้มาอ่านเลยเล่มแรกซึ่งก็อ่านจบในรวดเดียว นอนตีสามคืนนั้น แล้วคืนถัดไปก็อ่าน Side story ภาคต่อเพิ่มจนนอนตีสามอีกคืน ฮ่าๆ (มี Side story ชื่อว่า I hope this finds you เป็นเรื่องราวต่อจากในเล่มนี้ไปอีก น่าจะวางขายแบบดิจิทัลในอนาคต)

จุดที่ทำให้ชอบเป็นพิเศษ:
- เซดี้ปากดีได้ใจ พูดจริงๆ น้องก็ดูแบบ… girl has issues. เกลียดการแพ้ระดับทำเอาอารมณ์เสียไปทั้งวัน obsessed ว่าทุกอย่างต้องเป๊ะ เก็บทุกเม็ด เวลาโกรธแล้วปากจัด เก็บกด อ่านแล้วแบบ ไหวไหมลูก? แต่ก็เป็น Character flaw ที่ชัดเจนและชวนเอ็นดูจากมุมคนแก่กว่า (ฮา)
- If you're skeptical whether the mails are bad enough to realistically get her in trouble, yes. They are. They're venomous and petty as hell and seriously extra. She describes in detail how she wants to murder my dude in one of them. But I'd rather you find out for yourself.
- ชอบไดนามิกของตัวละครมาก เคมีดี น่ารักแต่ก็เถียงกันมันส์ ตอนที่เข้าขากันก็มองเห็นชัดว่าทั้งสองคนทำงานด้วยกันได้ดี แต่ตอนที่ทำตัวเกลียดกันก็เข้าใจ เพราะไอ้จูเลียสมันก็ชอบยั่วโมโหเซดี้จริง ปกติ Enemies to Lovers แท้ๆ มันไม่ค่อยเป็นไปได้อยู่แล้วอะ แต่อันนี้เป็นการตีความ trope นั้นได้มีชีวิตชีวามากเลย
- หลายจุดตลกจนขำออกเสียง
- เป็นเรื่องของเด็กเนิร์ดสองคน แต่ตัวเรื่องเองเบาสมอง ไม่มีอะไรคาดเดายาก เหมาะสำหรับอ่านชิวๆ (ยอมรับว่าเป็นเรื่องเบาสมองเล่มแรกของปี ก่อนหน้านี้อ่านแต่นิยายซีเรียสไม่ก็ดาร์ก กับ Non-fiction)
- ตัวละครทุกคนเป็นคนออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียโดยเฉพาะจีนเหมือนกับคนเขียน มันให้ความรู้สึก relatable แบบที่โรแมนซ์ฝรั่งไม่ค่อยทำให้รูัสึกบ่อยนัก
ไดนามิกตัวละคร
เซดี้เกลียดจูเลียสมากจนถึงขั้นหมกมุ่น มันคือระดับที่เกลียดปานจะกลืนกินจนเรียกว่าชอบได้แล้วอะ เพราะจดจำทุกรายละเอียดที่เคยแข่งกันได้ รู้ทันทุกอุปนิสัย ถึงขั้นเคยเขียนระบายความหมั่นไส้ในรูปร่างหน้าตาอย่างละเอียดลงในเมล (ซึ่งสุดท้ายจูเลียสก็ได้อ่านตอนที่เมลหลุด ตามระเบียบ)
ไอ้หนุ่มนี่ก็ไม่เบา ชอบไปแหย่ให้เขาอารมณ์เสียตลอดเวลา ส่วนตัวคิดว่าที่ช่วงต้นของเรื่องโดนเกลียดก็สมน้ำหน้าแล้ว (ถึงเซดี้จะเป็นเงาแค้นเกินเหตุด้วยก็เถอะ) แถมเป็นสูตรสำเร็จซึนเดเระ เพราะความจริงแล้วชอบเขามานานแล้วแต่รับรู้ว่าเขา 'เกลียด' ก็เลยล่อตีนแทนเพื่อไม่ให้ดูอ่อนแอ
เข้าใจความ Perfectionist และชอบเอาชนะของเซดี้ ตัวละครนี้มันสามารถน่ารำคาญได้เลย แต่ส่วนตัวไม่รำคาญเพราะรู้สึกว่าเรื่องปูมาให้เข้าใจความกดดันทุกอย่าง ตัวเซดี้เองเป็นคนที่มี attitude ว่ามีอะไรพังฉันต้องเป็นคนซ่อม กระทั่งปัญหาครอบครัว และจะต้องไม่ลำบากคนอื่น ตลอดเรื่องจึงมีความพยายามที่จะซ่อมนู่นซ่อมนี่จนเลยเถิด (อ่านเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ อ่านแบบนักเขียน)
ส่วนฝั่งจูเลียสเองก็มีปมของการถูกเปรียบเทียบซึ่งทำให้เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทำตัวแย่เหมือนกัน
เอาจริงอ่านแล้วขำกับความเป็น YA ว่าเด็กพวกนี้มันไม่มีใครยอมใครกันเหลือเกิน เหมือนว่าแพ้แล้วจะตาย เหมือนว่าการเรียนและต่อมหาลัยคือโลกทั้งใบ ชีวิตวัยรุ่นอะเนอะ น่ารัก555555 อ่านแล้วเหมือนได้ทบทวนถึงสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับ YA และจุดเด่นของ demographic YA เทียบกับ Adult เลย (คลาสเรียน JUV LIT หวนคืนมาเลย ฮา)
You were right, Sadie Wen. I'm completely, helplessly obsessed with you. Love, Julius.
จดหมายจากจูเลียสถึงเซดี้ ประโยคจบ I hope this doesn't find you
I get you, dude. I'm obsessed with her too.
อ่านแบบนักเขียน
เรา put effort ในการมองงานเขียนแบบนักเขียนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่กำลังเขียนเรื่องยาวและพิจารณาพล็อตกับตัวละครที่ทำอยู่อย่างจริงจัง ก็เลยยิ่งมองเห็นว่าหนังสือเล่มนี้มัน Establish พล็อตและตัวละครทุกอย่างชัดมาก อ่านจบแล้วอดไม่ได้ที่จะคิดว่า This is freaking perfect.
- คาแรกเตอร์ของเซดี้ผู้เป็น Narrator ชัดเจนตั้งแต่ประโยคเปิด “It’s an honor to be waiting outside the school gates in the winter cold. This is what I’ve been telling myself for the past hour […]” เราเริ่มด้วยการรู้ว่าเธอเป็น overachiever จากการที่มาทำงานที่ได้รับมอบหมายก่อนเวลา และ motivated by ความรับผิดชอบและอยากดูดี (”honor”) หลังจากนั้นพอจูเลียสเข้าฉากก็ได้เห็นว่าอีก motivation คือเธอต้องการชนะจูเลียส ต้องการชนะมากแค่ไหนและหมั่นไส้มากแค่ไหน ไดนามิกของทั้งสองนำเสนอชัดเจน
- Character Flaws ชัดเจนจากตรงนี้และชัดขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเล่ม ว่าเซดี้เป็น People pleaser และเก็บกดเอาไปลงกับการแข่งขัน
- Character motivation ชัด ตั้งแต่บทที่ 2 เราก็ได้รู้ว่าเซดี้มีเป้าหมายจะเรียนจบเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน เพื่อที่จะได้โควตาเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการและเปิดทางสู่อนาคตที่หวัง ซึ่งเหตุที่ต้องการความสำเร็จในการเรียนก็เพราะแบกรับความกดดันที่จะเป็นเสาหลักครอบครัว เมื่อเห็นแรงจูงใจเราจึงรู้ว่า
- ทำไมเธอจึงยอมให้เพื่อนเอาเปรียบไปหมดทุกคน ยอมทำงานกลุ่มเองคนเดียว เพราะไม่ยอมเสี่ยงให้เกรดพัง
- ทำไมเธอถึงหมกมุ่นกับเกรด รางวัล และตำแหน่งต่างๆ นัก เพราะอยากได้โปรไฟล์
- ทำไมเธอจึงไม่ชอบจูเลียส เพราะเขาเป็นคู่แข่งที่ขัดขวางไม่ให้เธอจบไปด้วยอันดับหนึ่งตามเป้าหมาย
- เพราะ Motivation ชัด Stakes ก็เลยชัด ตรรกะของเซดี้เชื่อมโยงชัดเจนว่า ถ้าไม่รักษาเกรด ไม่มีปัญหากับใคร และเรียนจบเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน จะเปิดทางสู่อนาคตที่หวัง เพราะอย่างนั้นการ “แก้” สถานการณ์เมลหลุด จึงมี Stakes ดังกล่าวติดมาด้วย
- เพราะ Motivation ชัด คนอ่านจึงเข้าใจได้ทันทีว่าทำไม Inciting Incident นี้ (อีเมลที่บอกความรู้สึกจริงๆ ของเซดี้หลุดออกไป) ถึงได้ส่งผลต่อเซดี้ขนาดนั้น
- ถ้าเป็นคนอื่น หรือถ้าเป็นเราเอง อาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้? อาจจะขำ อาจจะไม่สะทกสะท้าน อาจจะมูฟออนเลยก็ได้? แต่เพราะรู้ว่าเซดี้ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองหนักขนาดไหน (Motivation) และเหตุที่ห่วงก็เพราะมองว่าอนาคตที่ประสบความสำเร็จของตัวเองขึ้นอยู่กับมัน (Stakes) เราจึงเข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์นี้ถึงเหมือนโลกถล่มสำหรับเธอ และเป็นชนวนให้กับเหตุการณ์ต่อๆ ไป
- Character Voice ชัด ส่วนหนึ่งที่ทำให้เมลจิกกัดฟังดูเข้าคาแรกเตอร์ ก็เพราะน้ำเสียงของ Narrator ก็จิกกัดพอกัน
- Character Disbelief ชัด “ความเชื่อ” ของตัวละคร เป็นกลไกหนึ่งที่ผลักให้เรื่องราวไปข้างหน้า
- เซดี้ เชื่อว่าเธอมีหน้าที่ต้อง “แก้” ทุกความผิดพลาด ไม่อย่างนั้นชีวิตก็จะจบสิ้น ตลอดเรื่องราวเธอพยายามหาวิธีแก้ให้คนเลิกโกรธเธอ แต่ก็ไม่ได้ช่วยขนาดนั้น กระทั่งสุดท้ายจึงเรียนรู้ว่าบางเรื่องราวก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องไปมองมันด้วย mindset ของการแก้ไข หรือหลายอย่างก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องแบกรับไว้เลยด้วยซ้ำ
- จูเลียส เชื่อว่าตนเองเป็นรองกว่าคนอื่นและจะไม่ถูกเลือก จากการโดนเปรียบเทียบในครอบครัว ตลอดเรื่องราวเขาพยายามสุดชีวิตเพื่อให้ไม่ดูอ่อนแอในสายตาเซดี้ แต่เมื่อเซดี้ได้รู้เกี่ยวกับตัวเขามากขึ้น เธอก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ด้อยอะไรเลย
บางทีเพราะตัวเรื่องเองไม่ได้ซับซ้อนเข้าใจยาก สิ่งเหล่านี้จึงปรากฎขึ้นมาให้สังเกตชัดเจนละมั้ง
สรุป
ไม่รู้ยังจะต้องสรุปอะไรอีก ถ้าชอบแนวรักวัยรุ่นใดๆ ก็แนะนำจ้ะ




