วันที่ 15 ตุลาคม 2024 เป็นวันครบรอบ 15 ปี ซีรีส์ STEINS;GATE นับตั้งแต่วางขาย VN เกมแรกในปี 2009
สำหรับเรา ความรู้สึกที่มีต่อ STEINS;GATE คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ความผูกพัน” การที่เราได้รู้จักและชอบเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้มันกลายเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ส่งอิทธิพลกับชีวิตของเราอย่างเหลือเชื่อ จนนับว่าเป็น “เรื่องเปลี่ยนชีวิต” และหนึ่งใน “เรื่องที่รักที่สุด” อย่างจริงใจ
จุดเริ่มต้นที่ได้รู้จัก STEINS;GATE
ครั้งแรกที่ได้รู้จักเรื่องนี้คือตอนม.1 เราไปเดินร้านหนังสือกะจะเลือกซื้อไลท์โนเวลอ่านสักเล่ม แล้วก็หยิบไลท์โนเวลเล่มหนาปึ้กเหมือนพจนานุกรมเล่มหนึ่งขึ้นมา มันคือนิยาย ‘สไตนส์เกท วังวนแห่งอุโรโบรอส’ หรือก็คือเนื้อเรื่องหลักของ STEINS;GATE ฉบับนิยายนั่นเอง
ตอนนั้นแค่คิดว่าคำโปรยน่าสนใจดี รูปบนปกก็สวยดีด้วย (เป็นอาร์ตรูปคุริสึโดยคุณ huke) ก็เลยซื้อมา ผลลัพธ์คือถูกใจตั้งแต่คำบรรยายประโยคแรก น้ำเสียงของโอคาเบะผู้เป็น Narrator นั้นติดตรึงใจและอ่านสนุก และเมื่อนิยายเล่มแรกจบลงที่จุดกลางเรื่องที่คุณก็คงรู้ดีว่าคือตรงไหน… วันหยุดสุดสัปดาห์ถัดไปเรารีบพุ่งไปซื้อเล่มจบ
นั่นคือปี 2012 นับจากตอนนั้นก็ผ่านมา… เกิน 10 ปีแล้ว
STEINS;GATE เป็นครั้งแรกหลายอย่าง
นักวาดคนโปรดคนแรก
huke (Twitter: @hukeweb / Pixiv: huke) นักวาดคู่กาย STEINS;GATE ผู้ออกแบบตัวละครและวาดภาพประกอบในเกมต้นฉบับ เป็นนักวาดโปรดคนแรกของเรา
จุดที่เรารู้สึกว่ามีเอกลักษณ์ที่สุดของ huke คือการใช้ texture บนภาพวาด เห็นว่า texture ทั้งหลายของเขาล้วนเป็นหินดินทรายที่เขาทำเองและใช้มา overlay ทับภาพวาด เราพยายามจะทำตามอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไร
CERN ครั้งแรก
เด็กม.ต้นอย่างเราได้รู้จัก CERN (อันที่เป็นองค์กรในโลกความจริง) ครั้งแรกจากเรื่องนี้ จนอยากไปให้ได้สักครั้ง ม.ปลายก็สมัครสอบเพื่อชิงสิทธิ์ไปศึกษาดูงานที่ CERN ด้วย แต่ไม่เคยติด เราเก่งฟิสิกส์มากพอที่จะใช้งาน แต่ก็ไม่เคยเก่งมากที่สุด และมันสอบแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งเป็นฟิสิกส์หัวข้อที่เราอ่อนด้วย TT
แปลเพลงครั้งแรก
Lyra (เพลงปิด VN STEINS;GATE 0) เป็นเพลงแรกที่ตั้งใจเรียบเรียงคำแปลเป็นคลิปลง YouTube เป็นอย่างดี ทำตั้งแต่ยังไม่รู้เนื้อหาของ STEINS;GATE 0 เพราะในตอนนั้นยังไม่มีการประกาศฉบับแปลออกมาเลย มีคนชมว่าอ่านลื่นเข้าใจง่าย ก็ดีใจมาก
นอกจากนี้ยังเป็นการโดน Copyright Strike ครั้งแรกของตัวเองด้วย ซึ่งโดนหลังจากลงไปแล้วหลายปี (น่าจะเป็นตอนที่ยอดวิวโดดขึ้นเมื่อเพลงนี้ถูกใช้ในอนิเมะ) เจ็บมาก ทุกวันนี้ก็ยังจำฝังใจทุกครั้งที่ได้ยินเพลงไปซะงั้น
ในทางกลับกัน เพลงที่มียอดวิวสะสมมาเยอะที่สุดในช่องก็คือแปลเพลง Hisenkei Geniac ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงเปิดเกม เวอร์ชันพอร์ตไป PS3 นั่นเอง โอกาสหลักของเราคงจะเป็นเพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีใครอัปคำแปลพวกเพลงประกอบเกมที่คนไม่ค่อยรู้จักเท่าไร เราก็เลือกทำเพลงนี้เพราะถูกใจ และก็รอดจาก Copyright Strike มาจนวันนี้ (ที่กลับไปเช็คแล้ว เขาเขียนว่าเขาไม่เอาคลิปลงแล้วละ)
ความจริงแล้วสมัยที่นั่งทำซับเพลงเยอะๆ เราเคยมีความคิดจะทำวิดิโอซับเพลงเปิดเกมทั้งหมดที่ STEINS;GATE เคยมีมาจนถึงตอนนั้น (ก็คือก่อนที่จะมี STEINS;GATE 0) มัดรวมเป็นวิดิโอเดียว แถมซับคาราโอเกะและแปลด้วย แต่ทำไปประมาณครึ่งหนึ่งก็เจอ Copyright Strike บนคลิปอื่นที่ลงไปแล้วก่อน จนล้มเลิกไปในที่สุด เพราะคิดว่าทำไปก็โดนเอาลง ผิดเขาอีก เลิกดีกว่ามั้ง?
แต่สิ่งที่ได้จากโปรเจคนั้นคือได้รู้จักเพลง STEINS;GATE ที่มีอยู่ในตอนนั้นทั้งหมดเลย แม้แต่พวกเพลงที่โคตรเฉพาะกลุ่ม และใครที่เคยไทม์คาราโอเกะคงจะรู้ ว่าทำแล้วจะได้ฟังเพลงนั้นๆ ซ้ำไปซ้ำมาจนหลอนอยู่ในหู ร้องได้ทุกพยางค์ ฮ่าๆ
ในลิสต์เพลงจากเกมทั้งหมดนั้น อันโปรดของเราที่อยากแนะนำนอกเหนือจาก Hisenkei Geniac คือ
- Skyclad no Kansokusha อันนี้น่าจะเป็นที่รู้จักที่สุดแล้ว เพลงเปิดดั้งเดิมที่สุดของ STEINS;GATE และเพลงเปิดภาคแรกเวอร์ชัน Xbox360
- A.R. เพลงเปิดภาคแรกเวอร์ชัน PC
- Kindan Muteki no Darling หนึ่งในเพลงเปิดภาค My Darling’s Embrace
- Phenogram เพลงเปิดภาค Linear Bounded Phenogram เวอร์ชัน PS3/Xbox360
- Kaikou no Phetaritette เพลงเปิดภาค Linear Bounded Phenogram เวอร์ชัน PS Vita
แนะนำอัลบั้ม Steins;Gate Vocal Best ค่ะ รวมเพลงภาคแรก ภาค Darling และเพลง Image Song ของแล็บเมมทั้ง 8 คน
ตัวละครโปรดกลุ่มแรกๆ
คุริสึกับโอคาเบะเป็นคู่รักในเรื่องแต่งที่เราชอบที่สุด ถ้าให้ยกตัวอย่างความสัมพันธ์ในอุดมคติ ไม่ว่าจะในแง่การเขียนพล็อตโรแมนซ์หรือในแง่ชีวิตจริง ก็จะยกให้คู่นี้เลย
ถ้าถามว่า ชอบตัวละครซึนเดเระเหรอ? คำตอบก็คือ ความจริงแล้ว เราไม่ได้มองทั้งคุริสึและโอคาเบะเป็นคนซึนเดเระเลย หรือถ้าจะพูดให้ถูก เราคิดว่าทั้งสองไม่ได้ซึนเดเระมากขนาดนั้น และประเด็นหลักของความสัมพันธ์นี้ในเรื่องไม่ใช่ “ความซึนเดเระ” อะไร แต่เป็น “ความเชื่อใจและเชื่อมั่นในกันและกัน” ต่างหาก จุดที่ชอบที่สุดคือทั้งสองต่างเป็นคนพึ่งพาได้ และไว้ใจว่าอีกฝ่ายพึ่งพาได้อย่างไม่มีข้อสงสัย ความสัมพันธ์มันแกร่งมากซะจนคิดว่าพวกเขาจะซึนกันเฉพาะช่วงแรกๆ ที่เราได้เห็นกันแล้วน่ะแหละ (ถ้ามีคอนเทนต์เกี่ยวกับชีวิตตัวละครในอนาคตแล้วสองคนยังอ้ำๆ อึ้งๆ กันอยู่อีก จะนอยมากกกกกกกกเลยละ)
แต่เชื่อไหมว่า ตอนอ่านครั้งแรกเราดูไม่ออกว่าสองคนนี้จะคู่กัน กระทั่งฉากสารภาพรักนั่นแหละ ฮ่าาา อาจจะเพราะความอ่อนด้อยประสบการณ์ในการเสพเรื่องแต่ง ณ ตอนนั้นละมั้ง
เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบเวลาที่เรื่องแต่งเล่นประเด็นของ Found Family หรือแปลว่า “ครอบครัวที่หากันจนพบ” มันหมายถึงกลุ่มตัวเอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เนื้อเรื่องนำพาให้มาสนิท รัก และเชื่อใจกันเหมือนอย่างครอบครัว เรื่องแรกที่เราอ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้นคือฮิกุราชิ (Higurashi no Naku Koro ni) ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ส่งอิทธิพลกับเรามากมาย - แต่ STEINS;GATE ก็เป็นเรื่องที่เราว่าทำ Found Family ออกมาได้ดีมากๆ จนรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมเยียนตัวละครเหล่านี้
สมัยเด็กเราไม่ค่อยมองคนอื่นเป็น Role Model เท่าไร แต่ถ้าให้เลือก คุริสึคงใกล้เคียงคำว่า Role Model ที่สุดแล้ว เคยเขียนถึงในการบ้านภาษาอังกฤษตอนม.ต้นด้วยแหละ (ไม่โชว์นะ ขี้เกียจขุด ฮ่าๆ)
มาโฮะก็เป็นตัวละครที่เหมือนเราเหลือเชื่อ เป็นคนที่ตัวเล็กพอจะถูกเข้าใจเป็นเด็ก เป็นคนที่ไม่ค่อย Physically Aware และขี้เกียจแต่งตัวระดับใส่ถุงเท้าไม่เข้าคู่ (เราก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ก็เคยใส่เสื้อหรือเกงเกงกลับด้านออกนอกบ้านเพราะไม่ทันสังเกตเหมือนกัน…) เป็นคนรักงาน เป็นคนที่รักคุริสึ เป็นคนที่มีความรู้สึกซับซ้อนเกี่ยวกับการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น เราชอบปมของมาโฮะมากเลยละ
ความทรงจำร่วมกับ STEINS;GATE
บันทึกความไฮป์ตอนประกาศ STEINS;GATE 0
ยังจำวันที่ไฮป์กับ STEINS;GATE 0 ได้อยู่เลย ตอนที่ประกาศเกมออกมาเรารออย่างใจจดใจจ่อ พยายามไปหาข้อมูลเกี่ยวกับนิยายต้นฉบับมาอ่านเพื่อให้มีไอเดียว่าเนื้อเรื่องจะประมาณไหน ซึ่งนิยายต้นฉบับนั้นคือนิยายไตรภาคชุด Epigraph ซึ่งหมายถึงนิยายสามเล่ม:
- Epigraph of the Closed Curve
- Pandora of Eternal Return
- Altair of the Point at Infinity
นิยายชุดนี้เป็นที่แรกที่ตัวละครจาก STEINS;GATE 0 อย่างมาโฮะ คางาริ และเลสกิเน็นปรากฏขึ้น เราไม่ได้อ่านตัวนิยายหรอก แต่อ่านเวอร์ชันมังงะ ซึ่งมีถึงจบแค่เล่ม Pandora
ถ้าสงสัยว่าเนื้อหาทั้งสามเล่มเป็นยังไง คงเรียกได้ว่าเนื้อหามันถูกรวมเข้าไปใน STEINS;GATE 0 แล้ว โดยเป็นเนื้อหาของ STEINS;GATE 0 บทที่ชื่อว่า Closed Epigraph, Pandora’s Box, และ Vega & Altair นั่นเอง
มังงะของเล่ม Epigraph มีฉบับแปลไทยด้วยนะ! ถึงจะทำไม่จบก็ตามที
ความพยายามในการ “แปล” STEINS;GATE 0
สมัยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีแปลอังกฤษออกมาเมื่อไร เราพยายามไปดูคลิปญี่ปุ่นแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ จำได้ว่ามีคนญี่ปุ่นคนหนึ่งพยายามจะแปล STEINS;GATE 0 เป็นภาษาอังกฤษด้วย โดยการเขียนลง Doc แล้วเปิดให้คนมาช่วยเกลาภาษา เราก็ไปส่อง จำไม่ได้แล้วว่าได้แนะนำเขาไปมากน้อยขนาดไหน เพราะสมัยนั้นไม่กล้าโพสต์อะไรบนอินเตอร์เน็ตเลย ส่องอย่างเดียว
วิดิโอคลิปแปลเพลง Lyra ก็ทำขึ้นในช่วงนั้น ยอมรับว่าเราแปลและตัดต่อวิดิโอโดยที่ยังไม่ได้รู้ Context ของเพลงภายในเนื้อเรื่องเลย ทำให้ตีความผิดไปไกลว่าเพลงเกี่ยวกับคุริสึ ทั้งที่เพลงเกี่ยวกับมายูริ
เล่น STEINS;GATE 0 ฉบับภาษาอังกฤษบน PS Vita
ตอนที่ STEINS;GATE 0 ฉบับแปลภาษาอังกฤษออกมาครั้งแรกนั้น ปล่อยออกมาสำหรับ Playstation อย่างเดียว (เวอร์ชันที่วางขายโดย pqube) เนื่องจากยังไม่มีฉบับญี่ปุ่นบน PC เลย
ที่ตลกคือ STEINS;GATE 0 PC Port ประกาศวันเอพริลฟูล จำได้แม่นว่านั่งสงสัยว่ามันข่าวจริงป่าวว้าาาา เล่นมุกอะไรว้าาาาา
เราไม่เคยมีคอนโซล แต่เพราะมีคนซื้อตัวเกมให้เป็นของขวัญ เราเลยเก็บเงินส่วนตัวไปซื้อ PS Vita มือสองมาเพื่อเล่น STEINS;GATE 0 โดยเฉพาะ สรุปว่ามาถึงตอนนี้ เกมที่ได้ใช้ PS Vita เล่น ก็มีแต่ STEINS;GATE 0 กับ CHAOS;CHILD และเครื่องก็ไม่มีเกมใหม่ซัปพอร์ตเท่าไรแล้ว โธ่เอ๊ย
เกม Visual Novel หาซื้อง่ายขึ้นเหลือเกิน
สมัยก่อนที่เกมญี่ปุ่นต่างๆ จะลง Steam นั้น โหลด VN ยากมาก ต้องลงเถื่อนนั่งโหลดไฟล์ .rar น่าสงสัยมายี่สิบกว่าอันเพื่อประกอบร่างขึ้นเป็นเกมต้นฉบับ เราก็เคยโหลด STEINS;GATE เถื่อนเหมือนกัน ฮา สมัยนั้นเรื่องที่เราชอบมีต้นฉบับเป็น VN เยอะซะด้วย คงนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะซื้อง่ายแบบนี้แล้ว
นอกจากนี้คอนเทนต์เสริมบน Youtube ก็แสนจะล้ำค่า สมัยปี 2010s นั้น แฟนอินเตอร์หาอ่านเนื้อเรื่องภาค Phenogram กับ Darling ได้ เพราะมีคลิปคนแปลอังกฤษไว้บน YouTube เราเองก็เคยไปดูเหมือนกัน แต่ยังดูไม่ครบ แทบไม่อยากเชื่อเลยตอนที่ภาคเสริมทั้งสองได้วางขายบน Steam
เพื่อนที่ติดตามเรื่องนี้มาด้วยกัน
เราเอานิยายเอย VN เอย ไปขายกับเพื่อนจนเล่นจบมาแล้ว ก็เป็นความทรงจำร่วมอย่างหนึ่งเหมือนกันในฐานะมังงะดีลเลอร์ประจำห้อง ฮ่าๆๆ
การถูกชักชวนไปแปลเกม
ความไม่คาดคิด คือคอนเทนต์แปลเพลงที่เคยทำมา ส่งผลให้มีคนทักแชทเพจมาชวนให้มาทำม็อดภาษาไทยเกม STEINS;GATE ด้วยกัน
ตอนม.ต้นเราเคยอยากทำแฟนซับ แต่ไม่ค่อยกล้าพูดคุยกับใครบนโลกออนไลน์ แถมไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งภาษาญี่ปุ่นมากขนาดนั้น (ตอนนั้นก็งูๆ ปลาๆ จริงแหละนะ) การที่ได้ลองทำม็อดก็เลยกลายเป็นเหมือนได้สานฝันทำแฟนซับ ในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเองมากกว่าแฟนซับเสียอีก
ตอนนี้โปรเจกต์ก็ดำเนินมาค่อนข้างนาน เพราะทุกคนทำเป็นงานอดิเรก ไม่ได้ทำเต็มเวลา แถมยังครั้งแรกอีกต่างหาก ตัวเราเองก็ยอมรับว่ามีช่วงที่ห่างหายไปบ้าง แต่ในฐานะคนหลัก ตอนนี้ก็พยายามที่จะไม่หายไปนานและแอคทีฟอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คนอื่นๆ มีกำลังใจ และเห็นว่ามันจะยังดำเนินต่อไปจนจบได้แน่
ใครสนใจม็อดไทย STEINS;GATE ฝากเพจฝึกแปลจนโปร / Operation Bifrost ไว้ด้วยนะคะะะ (เว็บเพจจะมีในอนาคต แต่ยังไม่ได้ดีไซน์ค่ะ จุ๊ๆ)
ทำๆ ไปแล้วเราก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าเกิดอยากจะลองเป็นนักแปลอาชีพดูบ้างล่ะ…?
เส้นเรื่อง “นักแปลอาชีพ” ตอนนี้ยังไม่คืบหน้า ไว้ไปสอบ N2 ก่อน แล้วจากนั้นค่อยว่ากัน 🤔
เที่ยวอากิฮาบาระ
เราได้รับเลือกเข้าโครงการไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน แล้ววันที่จะได้ไปโตเกียวก็ตกหลังอีเวนต์ครบรอบ 14 ปีพอดีซะด้วยสิ…
เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ไปอีเวนต์นี้เลย จึงเป็นโบนัสที่ดีใจมากๆ แม้ว่าจะเป็นหลังวันที่ 15 ต.ค. ก็เลยไม่ได้เห็นตัวอีเวนต์เลยก็ตาม แถมของแถมที่ตึกเรดิโอก็หมดเกลี้ยง แต่อย่างน้อยก็ได้ไปเดินเล่นและถ่ายรูปกับสแตนดี้ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของอีเวนต์แล้ว
นอกจากนี้ช่วงต้นปี 2024 ก็มีโอกาสได้ไปโตเกียวอีกรอบค่ะ! ทริปนี้แพลนมาก่อนที่จะได้รู้ว่าจะได้ฝึกงานที่ญี่ปุ่นอีก และมีเวลาเดินอากิบะมากกว่า ได้ตุ๊กตาหน้า ヽ(*゚д゚)ノ มาด้วยละ
สอยของที่ระลึกอีเวนต์ครบรอบ 14 ปีมาจากร้านข้างในตึกเรดิโอด้วย แต่พยายามถ่ายยังไงรูปก็ไม่โฟกัส…
มีรูปภาพการตามรอยฉากในเกมเล็กน้อย แต่เพราะไม่ได้ไปเพื่อตามรอยก็เลยค่อนข้างจำกัด ถ้าสนใจแบบละเอียด เป๊ะ! ลองดูภาพถ่ายตามรอยที่น้องในทีมม็อดทำไว้ที่โพสต์ตามรอยอนิเมะและตามรอย VN บนเพจแทนดีกว่าค่ะ
“บ้าน” ให้หวนกลับมา
พอเห็นเลข 15 ปีแล้วก็ไม่อยากเชื่อ ว่าที่จริงเราก็อยู่กับเรื่องนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่เรายังเด็กกว่าตัวละคร มาจนถึงวันนี้ที่เราโตกว่าพวกเขาแล้ว และมองพวกเขาทะเลาะถกเถียงกันด้วยความเอ็นดู
สำหรับเราแล้วตัวละครเหล่านี้คือความคุ้นเคย ความสนุกเมื่อได้อ่านครั้งแรกไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกอุ่นๆ ในใจ เมื่อได้อ่าน เขียน และคิดถึงพวกเขาอีก ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ทุกครั้งที่ได้เขียนถึง
อาจจะเพราะโปรเจกต์แปลเกม แต่ทุกวันนี้น้ำเสียงตัวละครแต่ละตัวฝังแน่นอยู่ในสมอง จนค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถเขียนฟิคที่ฟังดูออฟฟิเชียลได้ ความจริงเราเคยเขียนถึงด้วยแหละ เราเคยเปิดรวมฟิค STEINS;GATE ไว้เขียนแก้เบื่อ แต่ตอนนี้นิ่งไป เพราะเรามีโปรเจกต์ STEINS;GATE ที่ใหญ่กว่านั้นอีก…
คงอีกสักพักกว่าจะพูดถึง “โปรเจกต์ใหญ่” นั้นได้ หากยังสนใจอยู่จะขอบคุณมากค่ะ
ณ ที่แห่งนี้ เสมอ - แนวคิดเบื้องหลังโปรเจกต์ Lyric Video เพลง Itsumo Kono Basho de
เราเลือกทำคลิปแปลเพลง Itsumo Kono Basho de ในลักษณะ MV ทำมือ เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี
ไอเดียนั้นเกิดขึ้นตอนที่กำลังฟังเพลง Itsumo Kono Basho de อยู่ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2023 เมื่อนึกถึงเนื้อหาเพลงก็รู้สึกขึ้นได้ว่า ถ้าฟังความหมายเพลงนี้ใน Context ของการที่เวลาของเหล่าตัวละคร (และของพวกเราที่ผูกพัน) ผ่านไปแล้ว 15 ปี มันคงโคตรซึ้งเลย
วันหนึ่งในอนาคต เมื่อพวกเรามองย้อนกลับมา เธอจะยังหัวเราะอยู่ ณ ที่แห่งนี้เสมอ
Ayane - Itsumo Kono Basho de
จากนั้นภาพในหัวมันก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา เราอยากวาดภาพตัวละครเดินเรียงแถวกัน โดยได้แรงบันดาลใจจากหน้าปก Official Guidebook ของ VN และเรารู้สึกว่าท่อนฮุกสุกท้ายของเพลงนี้มันบิลด์อารมณ์ดีมาก เหมือนก่อตัวมาระเบิดตอนท้าย เราจึงอยากจะ “เฉลย” ว่านี่คือเรื่องราวของพวกเขาในอีก 15 ปีข้างหน้าในท่อนสุดท้ายนี้
ส่วน Outro ของเพลงนี้ค่อนข้างยาว ถ้าจะให้หยิบภาพเดิมๆ มาวนซ้ำก็คงได้ แต่ถ้าเป็นภาพใหม่เลยคงจะดีกว่า ภาพแรกที่นึกขึ้นมาคือการยืนเรียงแถวของตัวละครที่ปรากฎขึ้นมาทีละตัว เหมือนกับในตอนท้ายของเพลงเปิดอนิเมะ (ทั้งภาคหลักและ STEINS;GATE 0 ใช้ช็อตแบบนี้ทั้งคู่เลยแหละ!) บวกกับได้ไอเดียว่าตัวละครจะทำ Group Hug เป็นภาพหมู่กอดกัน มาจากภาพ CG พิเศษในเกม STEINS;GATE ที่ผู้เล่นจะได้หลังจากเคลียร์ทุกอย่างครบ 100%
เราเอาไอเดียนั้นมาแต่งเติมชีวิตชีวาของแต่ละเฟรมมากขึ้น ส่วนซึสึฮะโฟโต้บอมบ์นั้นเราว่าน่ารักดี + เป็นเซอร์ไพรส์ว่าซึสึฮะที่ควรจะเป็นในปี 2025 นั้นยังเป็นเด็กน้อย
ตลอดการลงมือทำ
ได้ไอเดียปุ๊บก็เขียนคำแปลเนื้อเพลงเสร็จในคืนนั้นเลย แต่ภาพวาดนี่สิ มีความรู้สึกว่าน่าจะยาก… จึงไม่ได้เริ่มลงมือเสียที ทั้งๆ ที่ถ้าเริ่มทำเร็ว ก็จะยิ่งวาดชิว ไม่ต้องกังวล
รูปมันใหญ่มากนะ ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้จะลำบากเอานะ
คิดอย่างนี้มาเรื่อยๆ เป็นปี สุดท้ายก็มาเริ่มทำช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้โดยที่ไม่ทำให้สติแตกไปเสียก่อน ก็คือปลายเดือนสิงหาคมนี้เอง
ขอไม่บรรยายอะไรมากแล้วกันนอกจากปั่นๆๆ เอาเวลาว่างไปวาดรูปทั้งหมด
- รูปแรกที่เป็นภาพหมู่ปี 2010 ใช้เดือนกันยายนไปหมด 1 เดือนเต็มๆ
- รูปที่สองที่เป็นภาพหมู่ปี 2025 พร้อมสูตรโกงลบแก้จากรูปแรก ก็ใช้ไปสองสัปดาห์ ถึงวันที่ 13 ตุลาฯ พอดี แล้วตัดต่อวิดิโอในวันที่ 14 อีก 1 วันเต็ม (ตรงเวลาเกิ๊น…)
- แต่ยัง! ยังไม่ได้วาด Outro! วาดแบบใช้กระบวนท่าที่ชื่อว่าเบี้ยวก็ช่างมันแล้ว ใช้เวลาไป 3 วัน
เอาภาพเบื้องหลังมาฝากค่ะ ทุกคนชอบดูเบื้องหลังกันไหมไม่รู้ แต่เราชอบดูกระบวนการสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ ศิลปินใดๆ มาก เลยอยากจะแปะไว้ให้อ่านเล่น
ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้รับความรักอย่างล้นเหลือ หลายคนบอกว่าแค่เห็นภาพก็รู้สึกซาบซึ้งหรืออบอุ่นใจแล้ว แปลว่าทั้งภาพและวิดิโอได้สื่อสารคอนเซปต์เป็นอย่างดีสินะ~
ความหมายของวิดิโอนี้สำหรับตัวเราเองก็คือการได้กลับมาสู่การทำคลิปแปลเพลงที่หยุดไปนาน เราได้ย้อนนึกถึงการเดินทางของตัวเองด้วย ว่าที่ผ่านมาเราทำคลิปแปลเพลง STEINS;GATE หรือวาดรูปตัวละครเล่นมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เรารู้สึกว่าการขมวดชีวิตส่วนนี้ด้วยวิดิโอนี้เป็นโอกาสที่เหมาะเจาะ และเหมือนกับในเนื้อเพลง Itsumo Kono Basho de เราก็รู้สึกผูกพันกับตัวละครเหล่านี้เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรก็ตาม
บทส่งท้าย: อนาคต?
ซีรีส์ STEINS;GATE ยังดำเนินต่อไป และการเดินทางของเราเองก็ด้วย เราอยากจะไปให้สูงขึ้น ในฐานะนักเขียน นักวาด นักแปล และบางทีคงจะเป็นนักวิจัย ถึงตอนนั้นเรื่องราวนี้ก็คงผูกพันกับเราแน่นแฟ้นไปแล้ว คงไม่อาจลบมันออกจากตัวตนของเราได้ง่ายๆ
จึงขอฝากประโยคจบเรื่องของ STEINS;GATE เอาไว้
ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ไม่จำกัด
นั่นละคือความหวังที่เรามีต่ออนาคต
ป.ล. แต่ถ้าเป็นอนาคตของชาวแล็บละก็… ออฟฟิเชียลไม่เขียนเราก็จะเขียนเองแล้วนะ 👀